“การเลี้ยงปลาหมอคางดำตามธรรมชาติ และนำมาขาย มีความผิดหรือไม่ … ไขข้อข้องใจ”

บทความโดย โดย ศุภษร แววปราชญ์ นักวิชาการสัตว์น้ำ
ปลาหมอคางดำ : เอเลี่ยนสปีชีส์จากต่างแดนที่แฝงเข้ามาในน่านน้ำไทย
ปลาหมอคางดำ (Blackchin Tilapia) เป็นหนึ่งใน “ปลาเอเลี่ยน” หรือปลาต่างถิ่นที่เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีแหล่งที่มาแน่ชัด ปลาชนิดนี้มีหลายสายพันธุ์และแหล่งที่มาหลากหลาย ตั้งแต่การลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ จนถึงการขยายพันธุ์ในบ่อเลี้ยงส่วนบุคคลโดยไม่ควบคุม ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติของไทยอย่างรุนแรง
การจำหน่ายปลาเอเลี่ยนในตลาด : ช่องโหว่ที่ยังไม่มีมาตรการควบคุมที่ชัดเจน
แม้ปลาหมอคางดำจะเป็นปลาที่ห้ามเพาะเลี้ยงตามประกาศกรมประมง แต่กลับพบว่ามีการซื้อขายกันในตลาดปลา และโดยเฉพาะตลาดปลาออนไลน์อย่างแพร่หลาย เนื่องจากขาดกระบวนการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและมาตรการควบคุมการลักลอบนำเข้า จึงทำให้ปลาชนิดนี้ยังคงแพร่ระบาดและหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
นโยบายรัฐในการควบคุมปลาหมอคางดำ : จากการกำจัดสู่การรับซื้อ
กรมประมงได้ตระหนักถึงปัญหานี้ และดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมและลดจำนวนปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำของไทย ด้วยหลายมาตรการ เช่น การรับซื้อปลาหมอคางดำจากชาวบ้านในราคาที่จูงใจเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการจับและกำจัด ขณะเดียวกันก็มีการให้ความรู้กับชุมชนเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของสัตว์น้ำต่างถิ่นที่รุกรานต่อระบบนิเวศดั้งเดิม
ปัญหาในภาคสนาม : ปลาในธรรมชาติลดลง แต่บ่อส่วนบุคคลยังคงมีอยู่มาก
แม้ปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น คลอง หนอง หรือแม่น้ำ จะลดลงจากการควบคุมของรัฐ แต่ในบ่อเลี้ยงส่วนบุคคลหรือบ่อของชาวบ้านซึ่งภาครัฐไม่สามารถเข้าไปควบคุมโดยตรงได้ ยังมีจำนวนมาก และมักเป็นแหล่งที่มาของการฟื้นตัวของสายพันธุ์และการแพร่ระบาดสู่ธรรมชาติอีกครั้งเมื่อเกิดการปล่อยปลาหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
เลี้ยงตามธรรมชาติในบ่อส่วนบุคคล : ทำได้หรือผิดกฎหมาย?
คำถามที่สำคัญคือ “หากชาวบ้านพบปลาหมอคางดำในบ่อของตน และปล่อยให้เลี้ยงตามธรรมชาติโดยไม่เพาะเลี้ยงต่อ มีความผิดหรือไม่?” คำตอบคือ ปลาหมอคางดำจัดเป็นสัตว์น้ำต่างถิ่นที่ห้ามเพาะเลี้ยง ตามประกาศกรมประมง การเลี้ยงหรือครอบครองโดยเจตนาเพาะเลี้ยง อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย แต่หากเป็นการพบในบ่อโดยบังเอิญ และไม่ได้มีเจตนาในการขยายพันธุ์หรือเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ ยังถือเป็น “พื้นที่เทา” ที่ต้องใช้ดุลพินิจในการพิจารณา
ความรับผิดชอบของเจ้าของบ่อ : ต้องกำจัดหรือไม่?
แม้ไม่มีบทลงโทษชัดเจนต่อเจ้าของบ่อที่ปล่อยให้ปลาหมอคางดำอยู่ในบ่อ แต่กรมประมง แนะนำอย่างชัดเจนว่า เจ้าของบ่อควรกำจัดปลาชนิดนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่พันธุ์และหลุดสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ โดยไม่ควรเพิกเฉยหรือเลี้ยงไว้โดยหวังผลในทางเศรษฐกิจ เพราะหากปลาหลุดสู่ธรรมชาติจนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ อาจมีการพิจารณาความรับผิดทางกฎหมายได้ในอนาคต
แนวทางที่ภาครัฐแนะนำ : การกำจัดและการป้องกันการแพร่ระบาด
กรมประมงแนะนำวิธีการกำจัดปลาหมอคางดำ เช่น
• จับและคัดแยกทิ้ง หรือขายให้โครงการของรัฐที่รับซื้อเพื่อควบคุมจำนวน
• ทำบ่อเลี้ยงให้ปิด ไม่ให้ปลาหลุดออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
• ไม่เพาะพันธุ์หรือผสมพันธุ์ปลาชนิดนี้เพิ่ม
รวมถึงการให้ความรู้กับชาวบ้านและผู้เลี้ยงปลาเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่พันธุ์ของปลาเอเลี่ยน และการดำเนินการอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
สรุป: การเลี้ยงปลาหมอคางดำในบ่อส่วนตัว แม้ไม่ใช่อาชญากรรมโดยตรง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ภาครัฐสนับสนุน
การเลี้ยงปลาหมอคางดำในลักษณะที่ไม่เป็นการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์อาจยังไม่เข้าข่ายความผิดอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ภาครัฐเห็นด้วย เพราะมีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่พันธุ์และสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ หากเจ้าของบ่อยังไม่กำจัด หรือไม่มีมาตรการป้องกันอย่างเหมาะสม ก็อาจถูกมองว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น หากพบปลาหมอคางดำในบ่อของตน ควรติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำในการกำจัดอย่างถูกวิธี หรือร่วมโครงการของรัฐในการควบคุมจำนวน เพื่อร่วมกันปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของไทยในระยะยาว
…………………………….