ประมงยัน กำจัด ปลาหมอคางดำ เห็นผล ลดวิกฤต

ปี 2567 ที่ผ่านมา กรมประมงและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องเผขิญหน้ากับการควบคุมจำกัด ปลาหมอคางดำ สัตว์น้ำต่างถิ่นที่รุกรานระบบนิเวศน์ไทยอย่างรุนแรง ด้วยหลากหลายมาตรการทั้ง การเดินหน้าจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำ การปล่อยปลานักล่า โดยเฉพาะปลากะพงและปลาอีกงกำจัดลูกปลา รวมถึงการนำปลาที่จับได้มาใช้ประโยชน์ ด้วยการผลิตปลาป่น ทำปุ๋ย หรือแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ จนปริมาณปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติลดลง คืนสมดุลระบบนิเวศน์
กรมประมงกำหนดแผนปฏิบัติการปลาหมอคางดำครอบคลุม 5 ขั้นตอนสำคัญ เพื่อจัดการปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและโปร่งใส โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น มาตรการเร่งด่วน เริ่มจาก ควบคุมและลดประชากรปลาหมอคางดำ ดำเนินการกำจัดปลาในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าการใช้ประโยชน์จากปลาหมอคางดำไม่น้อยกว่า 5,000 ตัน พร้อมสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายของปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความเสี่ยง นอกจากนั้น สร้างความตระหนักรู้และการประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของปลาหมอคางดำและแนวทางการแก้ไขแก่ประชาชนผ่านสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงสร้างเครือข่ายและบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ในการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

มาตรการระยะกลาง ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลากะพงขาว ปลาอีกงและปลาช่อน รวมถึงพันธุ์สัตว์น้ำอื่น ๆ ให้เหมาะสมกับแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยตั้งเป้าปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำไม่น้อยกว่า 20 ล้านตัว ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าปลาหมอคางดำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ปลาป่น น้ำหมักชีวภาพ และเมนูอาหารต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชน
มาตรการระยะยาว วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ดำเนินการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี เช่น การเหนี่ยวนำโครโมโซม 4N เพื่อทำให้ปลาหมอคางดำเป็นหมัน การใช้ฟีโรโมน และแสงสีในการควบคุมประชากรปลาอย่างยั่งยืน โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2567-2570 และ นวัตกรรมการควบคุมเชิงนิเวศ ใช้เทคโนโลยีสำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาเพื่อการกำจัดที่ตรงเป้าหมาย ลดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม
โดยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบความสำเร็จในการลดจำนวนปลาหมอคางดำอย่างมีนัยสำคัญ เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ลดจำนวนปลาจาก 60 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร เหลือเพียง 25 ตัว จังหวัดเพชรบุรี ลดจำนวนจาก 80 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร เหลือไม่ถึง 40 ตัว ด้านจังหวัดสมุทรสาคร ปลาลดลงไป 60-70% ขณะที่จังหวัดสมุทรสงคราม ปลาที่จับได้เป็นปลาขนาดเล็ก และจับปลาหมอคางดำใน 18 จังหวัด ได้มากกว่า 3 ล้านกิโลกรัม ในจำนวนนี้นำไปทำเป็นปลาป่นแล้ว 2 ล้านกิโลกรัม ส่วนที่เหลือทำน้ำหมักชีวภาพ
สวนทางกับ รายงานข่าวว่า ปลาหมอคางดำกลับมาระบาดหนัก ซึ่ง นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมงยืนยันว่า กรมประมงยังเดินหน้ากำจัดปลาหมอคางดำอย่างต่อเนื่อง จากเดิมพบการระบาดใน 19 จังหวัด ล่าสุดพบว่า มี 3 จังหวัดไม่พบการระบาดแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 16 จังหวัด จากวิกฤตในธรรมชาติสีแดงก็ลดลงมาอยูที่สีเหลือง หรือสีเขียวแล้ว ส่วนในบ่อเลี้ยงของเกษตรกรที่พบปลาหมอคางดำหลุดเข้าไปก็ต้องกำจัดเพิ่มเติม
โดย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า ได้ผลักดันแก้ปัญหา โดยกำจัดปลาหมอคางดำจากบ่อเกษตรกร และธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ด้วยการของบประมาณจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 60 ล้านบาท เพื่อรับซื้อจากเกษตรกรกิโลกรัมละ 15 บาท และค่าดำเนินการอีกกิโลกรัมละ 5 บาท โดยตั้งเป้าหมายรับซื้อไว้เดือนละ 500 ตัน จนกว่าจำนวนปลาหมอคางดำลดลงอย่างมีนัยยะ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้มีหนังสือไปยังกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง เพื่อให้เห็นชอบให้ใช้งบดังกล่าวแล้ว
พร้อมกันนี้ ในการประชุมคณะกรรมการปลาหมอคางดำ มีวาระเพื่อให้เห็นชอบขอใช้งบกลางเร่งด่วนเพิ่มเติมจากการกำจัด เช่น การปล่อยปลานักล่า การใข้กากชากำจัดปลาหมอคางดำให้ลดลง และดำเนินมาตรการทำปลาหมัน โดยได้ลูกปลาจำนวนหนึ่งพร้อมมาทดสอบปล่อยในแหล่งอิงธรรมชาติวิจัยที่จังหวัดเพชรบุรีในปลายเดือนมกราคม เพื่อทดสอบการทำให้ปลาหมอคางดำเป็นหมันต่อไป
ส่วนข่าวที่เกษตรกรสะท้อนว่า การจับปลาหมอคางดำขายในราคากิโลกรัมละ 3-4 บาท นั้นไม่คุ้มทุน อธิบดีกรมประมง ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เป็นรอยต่อของโครงการที่รองบประมาณ ซึ่งกรมประมงก็พยายามเร่งรัดอย่างเต็มที่แล้ว แต่การขายปลาหมอคางดำได้ไม่ถึงกิโลกรัมละ 10 บาท นั้น น่าจะเป็นการขายนอกโครงการฯ ที่รัฐดำเนินการมากกว่า
ด้านเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ตั้งข้อสังเกตหลังพบปลาหมอคางดำมากขึ้น จากน้ำท่วมภาคใต้ จนทำให้เกินความกังวลว่า จะระบาดหนักขึ้นในอนาคต อธิบดีกรมประมง ขอยืนยันว่าพฤติกรรมของปลาหมอคางดำชอบอาศัยอยู่ในน้ำกร่อยบริเวณปากแม่น้ำ ภาวะน้ำท่วม คือ น้ำจืดที่ไหลจากแผ่นดินลงสู่ทะเล ดังนั้น ปัจจัยดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยเร่งให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้น
ขณะที่ข้อมูลจากเจ้าของวังปู หอย หรือปลากะพงบางราย ที่ให้ข้อมูลว่า ไม่เดือดร้อนจากปัญหาปลาหมอคางดำ เพราะมีแหล่งรับซื้อกิโลกรัมละ 10 บาท เพื่อนำไปบดเป็นอาหารเลี้ยงปู หรือปลากะพง นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการบางรายนำไปแปรรูปเป็นปลาแดดเดียวขายได้ราคาเช่นกัน
กรมประมง ยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับปัญหาปลาหมอคางดำอย่างเต็มที่ เร่งรัดแก้ปัญหาตลอด เพราะเป็นนโยบายสำคัญที่จะขับเคลื่อนแผนวาระแห่งชาติ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี นำมาปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนและหาวิธีทุกช่องทางที่จะไปหางบประมาณมาดำเนินการ และจะเร่งฟื้นฟูนำทรัพยากรที่เคยมีอยู่ในธรรมชาติกลับให้ได้ แต่ต้องความร่วมมือร่วมใจของภาคเอกชน และตัวเกษตรกรเอง ที่ทุ่มเทเอาใจใส่ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตลอดจนชาวบ้านที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีคนร้ายหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลักลอบนำปลามาปล่อยในแหล่งน้ำอีก จะทำให้มาตรการรัฐสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น…